การเลือกวิธีการพิมพ์โลโก้หรือลวดลายลงบนบรรจุภัณฑ์ เช่น ถ้วยกระดาษ กล่องเบเกอรี่ หรือฉลากสินค้า เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการสร้างแบรนด์ สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม การเลือกเทคโนโลยีการพิมพ์ที่เหมาะสมจะช่วยทั้งในด้านต้นทุน คุณภาพงานพิมพ์ และความรวดเร็วในการผลิต บทความนี้จะพาคุณรู้จักกับสองเทคโนโลยียอดนิยม ได้แก่ การพิมพ์ Offset และการพิมพ์ Flexo (Flexographic) พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และสรุปจากประสบการณ์การใช้งานจริง
การพิมพ์ Offset คืออะไร
Offset Printing คือระบบการพิมพ์ที่ใช้แผ่นเพลทโลหะสำหรับถ่ายทอดหมึกไปยังกระดาษผ่านลูกกลิ้งยาง (Blanket) จุดเด่นคือการให้รายละเอียดที่คมชัด เหมาะกับงานพิมพ์ 4 สี (CMYK) ที่ต้องการความแม่นยำด้านสีและคุณภาพสูง เช่น กล่องบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียม
ข้อดีของการพิมพ์ Offset
- ความละเอียดสูงมาก เหมาะกับภาพหรือกราฟิกที่ซับซ้อน
- ควบคุมสีได้แม่นยำ เหมาะสำหรับงานแบรนด์ที่มีการใช้สีประจำแบรนด์
- ต้นทุนต่อชิ้นต่ำเมื่อพิมพ์จำนวนมาก เหมาะกับงานพิมพ์ล็อตใหญ่
ข้อเสียของการพิมพ์ Offset
- ต้นทุนเริ่มต้นสูง ต้องทำเพลท 4 แผ่น (1 เพลทต่อสี)
- ใช้เวลาขึ้นเครื่องนาน ไม่เหมาะกับงานเร่งด่วนหรือล็อตเล็ก
- ไม่เหมาะกับวัสดุที่ยืดหยุ่นมาก เช่น พลาสติกบาง หรือฟิล์มบาง
การพิมพ์ Flexo คืออะไร
Flexographic Printing หรือ Flexo เป็นการพิมพ์ที่ใช้แผ่นเพลทยางหรือโพลิเมอร์ที่ยืดหยุ่นได้ เหมาะกับการพิมพ์ลงบนพื้นผิวหลากหลาย เช่น พลาสติก ฟอยล์ ถ้วยกระดาษ และกระดาษเคลือบผิว มักใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่ต้องผลิตจำนวนมากอย่างรวดเร็ว
ข้อดีของการพิมพ์ Flexo
- พิมพ์ได้กับวัสดุหลากหลาย เช่น PE-coated paper, แก้วพลาสติก, ถ้วยกระดาษ
- เหมาะกับงานพิมพ์ต่อเนื่องจำนวนมาก มีความเร็วในการผลิตสูง
- ต้นทุนถูกเมื่อใช้กับบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะงานพิมพ์สีเดียวหรือสองสี
ข้อเสียของการพิมพ์ Flexo
- ความละเอียดต่ำกว่า Offset โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ หรือภาพถ่าย
- การผสมสีไม่แม่นยำเท่า Offset เฉพาะเมื่องานซับซ้อนหรือใช้หลายสี
- การจัดวางตำแหน่ง (Register) อาจเบี้ยวบ้างในวัสดุที่ยืดหยุ่น
ตารางเปรียบเทียบ Offset vs Flexo
คุณสมบัติ | Offset | Flexo |
---|---|---|
ความละเอียด | สูงมาก | ปานกลาง |
ความแม่นยำของสี | สูง (สำหรับงาน 4 สี) | ปานกลาง (เฉพาะ CMYK) |
ต้นทุนเริ่มต้น | สูง (ต้องทำเพลทโลหะ) | ต่ำกว่าหากใช้จำนวนน้อยสี |
ความเร็วในการพิมพ์ | ปานกลาง | สูงมาก |
รองรับวัสดุ | กระดาษ, กระดาษเคลือบ | กระดาษ, พลาสติก, ฟอยล์ ฯลฯ |
เหมาะกับงานพิมพ์แบบใด | ล็อตใหญ่ที่เน้นคุณภาพสูง | พิมพ์จำนวนมาก ราคาประหยัด |
ประสบการณ์จากการใช้งานจริงในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์
“เราเลือกใช้ Flexo สำหรับถ้วยกระดาษพิมพ์โลโก้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มียอดสั่งผลิตหลักหมื่นใบต่อแบบต่อเดือน ซึ่ง Flexo ให้ความเร็วในการผลิตที่ดีกว่า และสามารถใช้หมึกถั่วเหลืองที่ปลอดภัยกับอาหารได้เช่นกัน”
— โรงงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ฟู้ดเกรด
“สำหรับกล่องเบเกอรี่แบบพรีเมียม หรือสินค้าส่งออก เราใช้ Offset เพราะรายละเอียดกราฟิกสำคัญมาก ลูกค้าให้ความสำคัญกับความคมชัด และสีต้องเป๊ะเท่ากับ Artwork เดิม”
— ผู้ประกอบการด้านเบเกอรี่ระดับพรีเมียม
สรุป: จะเลือก Offset หรือ Flexo ดี
คำถาม | แนะนำใช้ระบบไหน |
---|---|
ต้องการความคมชัดสูง และสีตรงเป๊ะ | Offset |
ต้องการผลิตเร็ว ราคาต่อชิ้นถูก | Flexo |
พิมพ์บนกระดาษที่เคลือบ PE หรือ PLA | Flexo |
ต้องการใช้กราฟิกละเอียด เช่น ภาพถ่าย | Offset |
พิมพ์จำนวนมากกว่า 50,000 ชิ้นขึ้นไป | Flexo |
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการ
หากคุณทำธุรกิจร้านกาแฟ เดลิเวอรี หรือร้านอาหารที่ใช้บรรจุภัณฑ์ในปริมาณมาก และพิมพ์โลโก้ไม่ซับซ้อนมาก Flexo คือคำตอบ
แต่ถ้าคุณเน้นความสวยงามระดับพรีเมียม เช่น งานอีเวนต์ สินค้าพรีเมียมส่งออก หรือกล่องของขวัญ Offset จะเหมาะสมกว่า
แหล่งอ้างอิง
การพิมพ์ออฟเซต (Offset Printing)
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ: มีการสอนเกี่ยวกับเทคโนโลยีการพิมพ์ออฟเซตในหลักสูตรวิชาการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมถึงกระบวนการพิมพ์ออฟเซตทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ .journal.oas.psu.ac.th
การพิมพ์เฟล็กโซกราฟี (Flexographic Printing)
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ: ในหลักสูตรเดียวกัน ยังมีการสอนเกี่ยวกับการพิมพ์เฟล็กโซกราฟี ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ใช้แผ่นเพลทยางหรือโพลิเมอร์ที่ยืดหยุ่นได้ เหมาะกับการพิมพ์ลงบนพื้นผิวหลากหลาย เช่น พลาสติก ฟอยล์ และกระดาษเคลือบผิว